ไอโฟนแบตหมดเร็ว ปัญหากวนใจที่แก้ได้ ถ้ารู้ทันพฤติกรรมเหล่านี้

ปัญหาไอโฟนแบตหมดเร็ว ส่วนใหญ่มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้งานประจำวันที่เราอาจไม่ทันสังเกต รวมถึงสภาพของ iPhone แบตเสื่อมที่สะสมตามระยะเวลาการใช้งาน หากรู้ทันและปรับพฤติกรรมเหล่านี้ รวมถึงรู้วิธีเช็คแบตเสื่อม iPhone อย่างถูกต้อง จะช่วยยืดอายุแบตไอโฟนของคุณให้อยู่ได้นานขึ้น พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน หลายคนอาจสงสัยว่า Battery Health iPhone เท่าไหร่ควรเปลี่ยน หรือถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแบต iPhone แล้วหรือยัง ก่อนที่จะไปสอบถามราคาเปลี่ยนแบตไอโฟนในศูนย์บริการ หรือร้านรับเปลี่ยนแบต เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากแบตเตอรี่เสื่อมได้อย่างตรงจุด
ในบทความนี้ RHINOSHIELD แบรนด์เคสโทรศัพท์กันกระแทกชื่อดัง จะพาคุณไปเจาะลึกสาเหตุที่ทำให้ไอโฟนแบตหมดเร็ว พร้อมวิธีแก้ง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้ไอโฟนของคุณกลับมาใช้งานได้นานและเต็มประสิทธิภาพเหมือนใหม่ อีกทั้งยังช่วยลดความจำเป็นในการเปลี่ยนแบต iPhone บ่อย ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่อยากชาร์จบ่อย! เปิดสาเหตุลับที่ทำให้ไอโฟนแบตหมดเร็วเกินคาด
หลายคนคงเคยเจอปัญหาไอโฟนแบตหมดเร็วจนต้องชาร์จบ่อยกว่าที่คิด ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานหนักมาก วันนี้ RHINOSHIELD จะมาเปิดเผยสาเหตุลับ ๆ ที่ทำให้แบตเตอรี่ของคุณลดลงไวเกินความคาดหมาย พร้อมวิธีสังเกตและแก้ไขง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำเองได้
1. Background App Refresh
แอปพลิเคชันบางตัวไม่ได้หยุดทำงานทันทีที่ปิดหน้าจอ แต่ยังทำงานในเบื้องหลังเพื่ออัปเดตข้อมูลหรือส่งการแจ้งเตือน เช่น แอปโซเชียลมีเดีย ข่าวสาร หรือแอปส่งข้อความ การทำงานเหล่านี้กินพลังงานแบตเตอรี่อย่างไม่รู้ตัว หากไม่จัดการปิดแอปที่ไม่จำเป็น จะยิ่งทำให้แบตเตอรี่หมดไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

2. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเปิดใช้งาน Wi-Fi, Bluetooth หรือข้อมูลมือถือ (Mobile Data) ค้างไว้นาน ๆ ส่งผลให้ไอโฟนแบตหมดเร็วอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร เพราะ iPhone จะพยายามค้นหาสัญญาณตลอดเวลา ควรปิดฟังก์ชันเหล่านี้เมื่อไม่ได้ใช้งาน เพื่อลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ที่ไม่จำเป็น

3. อายุการใช้งานแบตเตอรี่และวิธี เช็คแบตเสื่อม iPhone
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ iPhone แบตเสื่อม คืออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สะสมมากขึ้นตามเวลา แบตจะเก็บประจุไฟได้น้อยลง ทำให้แบตหมดเร็วขึ้น วิธีแก้ไขที่ได้ผลคือการเปลี่ยนแบต iPhone ซึ่งก่อนตัดสินใจควรทำการเช็คแบตเสื่อม iPhone ผ่านเมนู Battery Health ในเครื่อง เพื่อดูเปอร์เซ็นต์ความจุที่เหลืออยู่
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อ Battery Health iPhone เท่าไหร่ควรเปลี่ยน มักจะแนะนำให้เปลี่ยนเมื่อความจุแบตเหลือต่ำกว่า 80% เพราะถ้าใช้ต่อไปแบตจะไม่สามารถเก็บพลังงานได้ดีเหมือนเดิม และทำให้เกิดปัญหาไอโฟนแบตหมดเร็วอย่างชัดเจน

4. ระบบปฏิบัติการไม่เสถียร
การใช้ iOS เวอร์ชันเก่าหรือเวอร์ชันที่มีบัค อาจทำให้ระบบทำงานผิดปกติและกินพลังงานมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ไอโฟนแบตหมดเร็วโดยไม่รู้ตัว การอัปเดต iOS เป็นเวอร์ชันล่าสุดจะช่วยแก้ไขปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงความปลอดภัยในการใช้งานได้อย่างดี
5. GPS ทำงานตลอดเวลา
ฟีเจอร์ GPS ถือเป็นตัวการหลักที่กินพลังงานแบตเตอรี่มาก หากเปิดใช้ GPS ตลอดเวลา หรืออนุญาตให้แอปหลายตัวเข้าถึงตำแหน่งเครื่องอยู่เสมอ จะทำให้แบตเตอรี่ลดไวขึ้น ควรตรวจสอบและปิด GPS สำหรับแอปที่ไม่จำเป็น หรือใช้โหมดประหยัดพลังงานเมื่อต้องการยืดอายุแบต

รู้ทันแบตเสื่อมก่อนมือถือพัง! วิธีสังเกตอาการง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
การรู้ทันว่า iPhone แบตเสื่อมก่อนที่จะเกิดปัญหาร้ายแรงนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะแบตเตอรี่ที่เสื่อมจะทำให้ไอโฟนแบตหมดเร็วกว่าปกติ และยังส่งผลกระทบต่อการใช้งานโดยรวมได้อย่างรวดเร็ว วันนี้ RHINOSHIELD แบรนด์เคสโทรศัพท์มือถือที่โดดเด่นเรื่องวัสดุที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกด้วยเทคโนโลยี ShockSpread ได้รวบรวมวิธีสังเกตอาการแบตเสื่อมที่คุณสามารถตรวจเช็คได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเป็นช่างมาแนะนำ ดังนี้
ไอโฟนแบตหมดเร็วขึ้นแม้ใช้งานปกติ
เครื่องร้อนง่ายทั้งตอนใช้และชาร์จ
เครื่องดับหรือรีสตาร์ทเองบ่อย
เครื่องช้า ตอบสนองล่าช้า หรือแลค
ตรวจสอบใน ตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่ หากต่ำกว่า 80% ควรเปลี่ยนแบต iPhone
มาถึงจุดนี้ การตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ iPhone ด้วยตัวเองผ่านเมนู Battery Health จะช่วยให้คุณรู้ว่าแบตเตอรี่ยังอยู่ในสภาพดีหรือควรเปลี่ยน เพื่อให้ไอโฟนของคุณยังคงใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้นอย่างมีประสิทธิผล
เคล็ดลับดูแลแบตเตอรี่ iPhone เพื่อยืดอายุการใช้งานอย่างมือโปร
แม้ว่า iPhone จะขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยก็ยังคงเจอกับปัญหาไอโฟนแบตหมดเร็ว ซึ่งมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้งานหรือการดูแลที่ไม่ถูกวิธี หากคุณไม่อยากเจอกับ iPhone แบตเสื่อมก่อนเวลาอันควร และยังไม่อยากรีบเปลี่ยนแบต iPhone ลองนำเคล็ดลับง่าย ๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ รับรองว่าแบตจะใช้งานได้นานขึ้นอย่างแน่นอน
1. เช็คสุขภาพแบตอย่างสม่ำเสมอ
วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ iPhone แบตเสื่อมโดยไม่รู้ตัว คือการตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ผ่านฟีเจอร์ Battery Health ในตัวเครื่อง ซึ่งจะแสดงข้อมูล “ความจุแบตสูงสุด” (Maximum Capacity) เปรียบเทียบประสิทธิภาพแบตกับตอนใหม่ 100%
ถ้าตัวเลขนี้ต่ำกว่า 80% แปลว่าแบตเริ่มเสื่อม และควรพิจารณาเปลี่ยนแบต iPhone เพื่อให้เครื่องกลับมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
2. หลีกเลี่ยงการชาร์จจนเต็ม 100% หรือปล่อยให้แบตเหลือน้อยมาก
การชาร์จจนเต็ม 100% หรือปล่อยให้แบตเหลือต่ำกว่า 20% เป็นประจำ จะเร่งให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น แนะนำให้รักษาระดับแบตไว้ระหว่าง 30–80% เพื่อชะลอการเสื่อมและยืดอายุการใช้งาน ช่วยให้ไม่ต้องเปลี่ยนแบต iPhone ก่อนเวลาที่ควร
3. หลีกเลี่ยงความร้อนขณะใช้งานหรือชาร์จ
ความร้อนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ iPhone แบตเสื่อมได้ไวขึ้น อุณหภูมิที่สูงเกินไป เช่น การชาร์จในรถที่จอดกลางแดด อาจทำให้ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ลดลงอย่างถาวร ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้งานหรือชาร์จในที่อุณหภูมิสูง
4. ใช้อุปกรณ์ชาร์จแท้จาก Apple หรือมาตรฐาน MFi
การใช้อุปกรณ์ชาร์จที่ไม่มีคุณภาพอาจส่งผลให้ต้องเช็คแบตเสื่อม iPhone บ่อยขึ้น หรือเสี่ยงถึงขั้นต้องเปลี่ยนแบต iPhone เร็วกว่าที่ควรจะเป็น อย่าลืมเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อปกป้องทั้งแบตเตอรี่และอุปกรณ์ของคุณในระยะยาว
5. อัปเดต iOS อยู่เสมอ
Apple มีการปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพในแต่ละเวอร์ชัน เช่น iOS 16, 17 และล่าสุด iOS 18 หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจทำให้แบตหมดไวโดยไม่จำเป็น และนั่นก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาไอโฟนแบตหมดเร็วที่คุณกำลังเผชิญอยู่
6. ปิด Background App Refresh แอปที่ไม่จำเป็น
แอปบางตัวจะรีเฟรชข้อมูลอยู่เบื้องหลังตลอดเวลา แม้ไม่ได้เปิดใช้งาน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไอโฟนแบตหมดเร็วขึ้น แนะนำให้ปิดฟีเจอร์นี้สำหรับแอปที่คุณไม่ได้ใช้บ่อย จะช่วยยืดเวลาการใช้งานแบตได้ชัดเจน
7. ปรับความสว่างหน้าจอ หรือเปิดโหมดแสงอัตโนมัติ
หน้าจอถือเป็นจอมกินพลังงานอันดับหนึ่งของมือถือเลยนะ การปรับความสว่างให้อยู่ในระดับพอดี หรือเปิดฟีเจอร์ปรับแสงอัตโนมัติ จะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างมาก
8. ปิด GPS หรือเปิดใช้เฉพาะเวลาจำเป็น
การเปิด GPS ตลอดเวลาทำให้แบตเตอรี่ลดฮวบรวดเร็ว ควรตั้งค่าให้แอปเข้าถึงตำแหน่งเฉพาะเวลาที่คุณใช้งานจริง ๆ เท่านั้น จะช่วยประหยัดแบตและยังรักษาความเป็นส่วนตัวไปด้วย
9. ปิดแจ้งเตือนแอปที่ไม่จำเป็น ลดการทำงานเบื้องหลัง
แจ้งเตือนที่เด้งเข้ามาบ่อย ๆ ทำให้เครื่องต้องตื่นขึ้นมาทำงานเบื้องหลังตลอดเวลา หากไม่ใช่แอปสำคัญ ลองปิดแจ้งเตือนเหล่านั้นดู รับรองว่าแบตจะใช้งานได้นานขึ้นแน่นอน
เปลี่ยนแบต iPhone ที่ไหนดี พร้อมวิธีเตรียมเครื่องก่อนเข้าศูนย์
เมื่อใช้งาน iPhone ไปนาน ๆ ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมหรือแบตหมดเร็วก็เริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน หลายคนจึงเริ่มมองหาแหล่งเปลี่ยนแบต iPhone ที่ทั้งเชื่อถือได้และคุ้มค่า โดยเฉพาะเมื่อค่า Battery Health เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด วันนี้ RHINOSHIELD จึงไม่พลาดที่จะมาแนะนำสถานที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ที่น่าเชื่อถือและเหมาะสม เพื่อช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า iPhone ของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
ศูนย์บริการ Apple Authorized Service Provider
หากต้องการความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน แนะนำให้เข้ารับบริการที่ศูนย์ Apple หรือศูนย์ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เพราะที่นี่ใช้แบตเตอรี่แท้ 100% พร้อมทีมช่างที่เชี่ยวชาญกับผลิตภัณฑ์ของ Apple โดยตรง ถึงแม้ว่า ราคาเปลี่ยนแบตไอโฟนที่ศูนย์อาจสูงกว่าร้านทั่วไป แต่คุณจะได้รับความมั่นใจในระยะยาว พร้อมการรับประกันหลังการซ่อม
ร้านซ่อมมือถือที่ได้รับการรับรอง
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปยังศูนย์บริการ Apple หรือไม่มีศูนย์อยู่ใกล้บ้าน การเลือกร้านเปลี่ยนแบต iPhone ที่มีรีวิวดีและได้รับการรับรอง ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าร้านใช้แบตเตอรี่เกรดดี และมีบริการรับประกันหลังการซ่อม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหา iPhone แบตเสื่อมอีกในอนาคต
ก่อนนำ iPhone ไปเปลี่ยนแบต ควรรู้วิธีเตรียมเครื่องเบื้องต้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องข้อมูลสูญหาย หรือปัญหาความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นหลังการซ่อมแซม โดยมีขั้นตอนการเตรียมเครื่องก่อนเข้าศูนย์เปลี่ยนแบต iPhone ดังนี้
สำรองข้อมูลสำคัญผ่าน iCloud หรือ iTunes ก่อนซ่อม เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย
ปิด Find My iPhone และลบรหัสล็อคหน้าจอในตั้งค่า เพื่อให้ช่างเปลี่ยนแบต iPhone ได้ง่าย
แจ้งช่างหากมีปัญหาอื่น เช่น หน้าจอแตก ปุ่มไม่ทำงาน เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
ชาร์จแบตให้เหลือประมาณ 50% ก่อนซ่อม เพื่อให้ช่างตรวจสอบและทดสอบแบตได้สะดวก
อุปกรณ์เสริมไอโฟน RHINOSHIELD ที่ควรมี ถ้าไม่อยากให้แบตหมดเร็ว
การใช้งาน iPhone อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องกังวลเรื่องไอโฟนแบตหมดเร็วนั้น นอกจากการปรับพฤติกรรมการใช้เครื่องแล้ว การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมคุณภาพสูงอย่าง RHINOSHIELD ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอุปกรณ์เสริมจาก RHINOSHIELD ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องเครื่องจากแรงกระแทก แต่ยังช่วยลดความร้อนสะสม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมสภาพแบตเตอรี่ iPhone อีกด้วย
เคสระบายความร้อน
หลายคนอาจสงสัยว่า RHINOSHIELD ดีไหม? คำตอบคือ เคส RHINOSHIELD ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นด้วยวัสดุคุณภาพสูงและดีไซน์ที่ช่วยลดความร้อนสะสมอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับยังคงความแข็งแรงในการปกป้องเครื่องได้อย่างครบถ้วน จึงทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการทั้งการปกป้องและการระบายความร้อนที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น
เคส SolidSuit
หากคุณกำลังมองหาเคสที่ทั้งสวย เท่ และระบายความร้อนได้ดี SolidSuit คือคำตอบที่ลงตัว ด้วยดีไซน์แบบมินิมอลแต่แฝงด้วยความใส่ใจในรายละเอียด พร้อมเลือกใช้วัสดุคุณภาพที่ช่วยลดการสะสมความร้อน เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้งานแอปหนัก ๆ อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะร้อนเกินไป

สายชาร์จและสายคล้อง
สำหรับสายชาร์จและสายคล้องจากแบรนด์ RHINOSHIELD ก็เป็นอีกไอเทมที่ถูกออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตการใช้งานโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ อย่าง…
สายชาร์จ RHINOSHIELD
สายชาร์จจาก RHINOSHIELD ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์ แต่ยังมาพร้อมสมรรถนะการชาร์จที่เหนือชั้น ด้วยมาตรฐาน USB-C to USB-C รองรับ USB 2.0 ที่สามารถชาร์จและถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วถึง 480 Mbps และรองรับกำลังชาร์จสูงสุดถึง 100W / 5A จึงเหมาะสำหรับทุกอุปกรณ์ ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไปหรือใช้งานหนักก็เอาอยู่
สายชาร์จรุ่นนี้ยังผลิตจากวัสดุปลอดแฮโลเจน (Halogen-free) ปลอดภัยทั้งต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีตัวเลือกความยาวและวัสดุที่หลากหลายให้คุณเลือกได้ตามความสะดวก ไม่ว่าจะใช้งานที่บ้าน ออฟฟิศ หรือระหว่างเดินทาง ก็มั่นใจได้ทุกครั้งที่เสียบชาร์จ

สายคล้อง RHINOSHIELD รุ่น Ultra 2-in-1
หมดห่วงเรื่องทำโทรศัพท์หล่นหรือหาย ด้วยสายคล้อง RHINOSHIELD รุ่น Ultra 2-in-1 ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งคล้องข้อมือและสะพายไหล่ในเส้นเดียวกัน เหมาะกับทุกวันของคุณ ไม่ว่าจะเดินเล่นในเมือง ขึ้นรถไฟฟ้า หรือออกแคมป์กลางป่า ก็พกพา iPhone ได้อย่างปลอดภัยและมีสไตล์
วัสดุของสายคล้องถูกคัดสรรอย่างดี ให้ความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมป้องกันการกระแทกหรือหล่นที่อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่หรือตัวเครื่อง ช่วยให้คุณใช้งานอุปกรณ์ได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์

เคสที่รองรับ Magsafe
เคส RHINOSHIELD ที่รองรับเทคโนโลยี MagSafe ช่วยให้การชาร์จไร้สายกลายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความร้อนสะสมขณะชาร์จและการใช้พลังงานเกินความจำเป็น ซึ่งมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ iPhone ได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทั้งความสะดวกในการชาร์จและการปกป้องที่รอบด้าน โดยหนึ่งในรุ่นยอดนิยมของ RHINOSHIELD ได้แก่
เคส Mod NX รุ่น MagSafe
Mod NX รุ่น MagSafe คือเคสโมดูลาร์ที่ออกแบบมาให้ถอดประกอบชิ้นส่วนได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นขอบ กันกระแทก หรือแผ่นหลัง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ และแน่นอนว่ารองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เคสรุ่นนี้ยังโดดเด่นเรื่องการปกป้องแรงกระแทกระดับสูง ช่วยลดความเสี่ยงของแบตเสื่อมจากความร้อนหรือแรงสะเทือนที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ใช้งานได้มั่นใจ ทั้งในเรื่องของความปลอดภัยและความสะดวกสบาย

สำหรับใครที่สงสัยว่าเคสกันกระแทก สายชาร์จ และสายคล้อง Ultra 2-in-1 ของ RHINOSHIELD ซื้อที่ไหน สามารถหาซื้อได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือสั่งออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ RHINOSHIELD รับประกันของแท้ พร้อมบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้
หากคุณเริ่มรู้สึกว่าไอโฟนแบตหมดเร็วกว่าปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า iPhone แบตเสื่อม การตรวจเช็คแบตเสื่อม iPhone เบื้องต้น จะช่วยให้คุณรู้ว่า Battery Health iPhone เท่าไหร่ควรเปลี่ยน โดยทั่วไป หากค่า Battery Health ลดลงต่ำกว่า 80% ก็ถึงเวลาที่ควรพิจารณาเปลี่ยนแบต iPhone เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมา เช่น เครื่องดับเอง หรือราคาเปลี่ยนแบตไอโฟนที่อาจสูงขึ้นหากมีความเสียหายเพิ่มเติม นอกจากการดูแลแบตเตอรี่แล้ว การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมคุณภาพจาก RHINOSHIELD ทั้งเคสกันกระแทก และสายคล้องมือ Ultra 2-in-1 ก็ช่วยยืดอายุการใช้งาน iPhone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เช็คแบต เปลี่ยนให้ทัน พร้อมเลือกอุปกรณ์เสริม RHINOSHIELD ที่ทั้งปกป้องและมีสไตล์ในแบบคุณ